F.A.Q.
คำถามที่พบบ่อย
ปกติที่คลินิกจะมีการนัดคิว ลงคิวกันก่อนมาทำเป็นปกติ เลยจำเป็นที่จะให้นัดคิวก่อน หากไม่ได้นัดคิวเลย เดินมาที่คลินิก ถ้าหากคิวเต็มอาจจะได้รอนานนิดหนึ่ง หรือ อาจจะต้องเลื่อนไปทำวันอื่นแทนถ้าคิวเต็มแล้วจริงๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา แนะนำให้นัดคิว ทักเข้ามาถามคิวก่อนจะดีกว่า
เรามีแพทย์อยู่ประจำคลินิกทุกวัน ตั้งแต่เวลาเปิดจนถึงปิดคลินิกเลย ไม่มีวันหยุด และที่สำคัญคุณหมอจะดูแลเอง ทำเองทุกเคส
คอร์สทุกคอร์ส ไม่มีหมดอายุ เก็บไว้ได้ตลอด สะดวกเมื่อไหร่ก็มาทำได้ และสามารถแบ่งแชร์ให้กับเพื่อน แฟน ญาติพี่น้องให้มาทำได้
สามารถชำระเงินได้ทั้งเป็นเงินสด โอนเงิน รูดบัตรเครดิต หรือชำระผ่านช่องทางแอ๊พ Atome ก็ทำได้
สามารถผ่อน 0% 3 เดือน เมื่อมียอดชำระเกิน 10,000 บาท
และผ่อน 0% 6 เดือน เมื่อมียอดชำระเกิน 30,000 บาท
(เงื่อไขการผ่อนยกเว้นสาขารัชดา)
การรักษาสิว จำเป็นจะต้องรักษาตามอาการ และต่อเนื่อง ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ภายในครั้งเดียว จำนวนในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล หากเป็นสิวไม่มาก รักษาประมาณ 4-6 ครั้งก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่หากเป็นสิวมากๆ ก็จะใช้เวลารักษาประมาณ 10-16 ครั้ง เป็นต้น
คลินิกไม่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงไข้เลย ทุกคนอยากให้ผลการรักษาออกมาดี สิวหาย คนไข้แฮปปี้ หมอและพนักงานก็มีความสุข เพราะเมื่อสิวหาย ก็จะได้มารักษารอยสิว หลุมสิวกันต่อ และสำคัญก็คือ เมื่อรักษาสิวหาย ใครเห็นก็ทัก ซึ่งถือว่าเป็นการตลาดแบบปากต่อปากที่ทรงพลังที่สุด ที่จะช่วยโปรโมทคลินิกให้มีลูกค้ามากขึ้นโดยธรรมชาตินั่นเอง ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาเลี้ยงไข้เลย
คอร์สรักษาสิวของคลินิกเรา จะมียาแถมในคอร์สเลย ทั้งยากิน ยาทา โดยคุณหมอจะเลือกจ่ายตามอาการของแต่ละคนอีกที ไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม
ต้องบอกก่อนว่า สิว ไม่มีทางรักษาได้หายขาด 100% หากรักษาสิวหายแล้ว อนาคตหากเจอปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพิ่มเติมอีก ที่ก่อให้เกิดสิว ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก เช่น เกิดการอุดตันของเครื่องสำอาง,ล้างหน้าไม่สะอาด, หน้าสกปรก, ฮอร์โมน,แพ้ครีม เป็นต้น ดังนั้นเมื่อสิวหายแล้ว ก็พยายามลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีผลก่อให้เกิดสิวให้มากที่สุด
สำหรับการฉีด Botox ที่ Attitude Clinic ทุกเคส คุณหมอจะให้ดูกล่อง ขวด ดูเลข อย.,เลขล๊อต, วันหมดอายุ พร้อมทั้งแกะให้ดูและผสมต่อหน้าทุกเคส ก่อนทำการฉีดทุกครั้ง หากเป็นการซื้อเหมาขวดก็สามารถนำกล่องหรือขวดกลับไปได้เลย
ปกติหลังจากฉีด Botox ไปแล้ว ในส่วนของริ้วรอย บริเวณมัดกล้ามเนื้อเล็กๆ ก็จะเห็นผลชัดเจนหรือเรียกว่าตึง ก็ประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนบริเวณกราม หรือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ จะเห็นผลชัดเจน ก็ประมาณ 20-30 วันหลังฉีด
โดยปกติ Botox จะออกฤทธิ์ เห็นผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน จะเห็นผลมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคลและการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย เช่น ไปอบไอน้ำ ซาวน์น่า เลเซอร์ ที่ส่งผลให้ Botox สลายไวนั่นเอง
หลังจากหยุดฉีด Botox หน้าจะไม่ได้เหี่ยวหรือแก่ไปกว่าเดิม ไม่ต้องกังวลไป เมื่อหยุดฉีดหน้าก็จะกลับมาสู่สภาพปกติ ผิวก็เหมือนเดิมตามอายุที่มากขึ้นนั่นเอง
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ที่ Attitude Clinic เราใช้ตัวยาของแท้ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย จาก อย. ไทย ทุกตัว ตรวจสอบได้เลย เราซื้อตัวยาโดยตรงกับบริษัทยาผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายถูกต้อง การันตีได้ว่า ตัวฟิลเลอร์ที่ฉีดไป จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% ไม่มีตกค้างแน่นอน
ฉีดฟิลเลอร์ที่ Attitude Clinic สามารถนำกล่องกลับบ้านไปได้เลย สามารถนำกล่องฟิลเลอร์กลับไปเช็ค ให้มั่นใจได้เลยว่า เป็นตัวยาของแท้
ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน ซึ่งก็มีมากน้อยแตกต่างกัน อย่างเช่น บางคนร่องลึกไม่เยอะ ก็ใช้ฟิลเลอร์ 1 cc สามารถฉีดฟูเต็มพอดี บางคนที่ร่องลึกเยอะหน่อย ก็ต้องใช้ถึง 2-4 cc ดังนั้น ถามว่าต้องฉีดกี่ cc ต้องเข้ามาให้คุณหมอประเมินสภาพปัญหาอีกที จะได้แนะนำได้ตรงจุด และเหมาะสมกับปัญหาแต่ละคน
ในท้องตลาดฟิลเลอร์ก็มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก ทั้งแบรนด์จากเกาหลี อเมริกา สวีเดน เป็นต้น แต่ละแบรนด์ก็มีหลากหลายรุ่น ราคาที่แตกต่างกัน เบื้องต้น ก็ต้องดูว่า มีงบในการฉีดเท่าไหร่ ก็จะถูกบังคับให้เลือกแบรนด์ได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องมาดูอีกทีว่า ปัญหาที่เราจะแก้ไข คือตรงไหน แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ก็จะทำออกมาตอบโจทย์ได้ไม่เหมือนกัน แต่ทางที่ดี ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอ ให้หมอแนะนำได้เลย จะได้แนะนำแบรนด์ รุ่นได้ตรงตามความต้องการ และส่วนสำคัญไม่ได้อยู่ที่ยี่ห้อฟิลเลอร์อย่างเดียว เพราะการจะฉีดออกมาดี สวย ไม่มีปัญหาหลังฉีด ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของหมอเป็นหลักเลย
การฉีดวิตามินผิว ก็เหมือนการเติมสารอาหาร วิตามินต่างๆ เพื่อเป็นการบำรุงผิว จำเป็นจะต้องใช้ความต่อเนื่อง เหมือนเราทาครีม ก็ต้องทาบำรุงไปเรื่อยๆ ดังนั้น การฉีดผิวแค่ครั้งเดียว จะยังไม่เห็นผลชัดเจนว่าผิวสุขภาพดี ขาว สว่าง แนะนำ ฉีดต่อเนื่อง อาทิตย์ละครั้ง สัก 1 เดือน ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนว่าผิวนุ่ม ลื่น สุขภาพดี สว่างขึ้น
ต้องบอกก่อนว่าผิวคนเราก็จะมี skin type ที่แตกต่างกัน โดยปกติเราไม่สามารถเปลี่ยน skin type ของเราได้ แต่การฉีดวิตามินก็จะช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี ออร่ามากขึ้น กระจ่างใสขึ้นนั่นเอง
หลังจากที่หยุดฉีดผิวไปแล้ว ไม่ได้มีผลทำให้ผิวดำลงใดๆ เพราะการฉีดวิตามินผิวไม่ได้ส่งผลให้ผิวบาง หรือทำลายผิวใดๆ ดังนั้นควรที่จะดูแลผิวเลี่ยงจากแสดงแดดจัด ป้องกันผิวด้วยการทากันแดดที่มีค่า SPF สูง
การฉีดวิตามินผิวก็คือการส่งสารอาหาร วิตามินต่างๆ เข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง ร่างกายสามารถนำวิตามินไปใช้ได้เลยแบบเต็มๆ จะดีกว่าการกินวิตามินผิว ที่ต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร กว่าร่างกายจะดูดซึมได้วิตามินมาใช้ก็ได้ไม่เต็มที่
การทำเลเซอร์โดยปกติแล้ว จะไม่ได้ทำให้ผิวบางแต่อย่างใด แต่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ได้ผิวใหม่ ให้ผิวเรียบและหนากว่าเก่า แต่ยกเว้นกรณี การยิงเลเซอร์ที่มีการตกสะเก็ด เพราะเป็นเหมือนการผลัดเซลล์ผิว อาจจะต้องมีการดูแลให้ดี ช่วงหลังทำ 2-4 สัปดาห์แรก โดยการทาครีมกันแดดและงดออกแดดจัด
ปกติที่คลินิก ถ้าเป็นการยิงเลเซอร์หน้าใส เช่น IPL,Q-Switched,Toning ก็จะนัดทำ 2 สัปดาห์ครั้ง หากเป็นการยิงแรง แบบมีเลือดสาด แบบตกสะเก็ด อาจจะนัดทำ เดือนละครั้ง ซึ่งขึ้นกับประเภทของเลเซอร์
การทำเลเซอร์ ก็มีหลายเครื่อง หลายชนิด รักษารอยโรคที่แตกต่างกันออกไป ปกติแล้ว ไม่มีเครื่องไหนที่สามารถใช้รักษาให้หายได้ในครั้งเดียว จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำหลายครั้ง 4-6 ครั้งขึ้นไป ซึ่งแต่ละครั้งที่ทำ ก็จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ที่สาขารัชดา จะได้ทำศัลยกรรมกับคุณหมอยุ้ย แพทย์หญิงปรียานุช แสงสิริวิจารณ์ คนเดียวเลย เป็นแพทย์ประจำสาขารัชดา ซึ่งเป็นสาขาเดียวที่มีบริการทำศัลยกรรม โดยคุณหมอยุ้ยมีประสบการณ์และความชำนาญในการทำศัลยกรรมใบหน้ากว่า 20 ปี
สำหรับนัดทำศัลยกรรม จะต้องชำระในส่วนของเงินมัดจำ 2,000 บาท ก่อน เพื่อจะได้ล๊อกคิวคุณหมอให้ หากมีการนัดคิวแล้ว จะสามารถเลื่อนคิวได้ 1 ครั้ง
จะมีรับประกัน 1 ปี ซึ่งจะดูแลให้ในส่วนของกรณีเคสมีปัญหาหลังทำ แต่หากไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่แค่อยากเปลี่ยนทรง จะไม่ได้รวมในส่วนของการประกัน
สนใจอยากทำศัลยกรรม สามารถนัดปรึกษาคุณหมอก่อนได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
การเสริมหน้าผากที่ Attitude Clinic สาขารัชดา จะใช้การฉีดยาชา คุณหมอจะมีเทคนิคพิเศษการฉีดยาชาบล๊อก ทำให้ไม่เจ็บเลย และการทำศัลยกรรมหน้าผากเป็นการเปิดแผลขนาดเล็กเหนือไรผม และใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน ไม่ต้องกังวลไป ถ้าลูกค้าหลายท่าน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเทียบกับการเสริมจมูก ยังเจ็บน้อยกว่าอีก
สำหรับการเสริมหน้าผาก จะต้องพักฟื้น 7-10 วัน ซึ่งแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ 7 วันก็ปกติแล้ว โดยอาการบวมเยอะๆ จะอยู่ในช่วง 1-3 วันแรก และหลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบลง จนเป็นปกตินั่นเอง
ด้วยคุณหมอเลือกใช้ซิลิโคนเกรดคุณภาพพิเศษ ที่มีขอบบางมากๆ และเทคนิคในการผ่าตัด วางซิลิโคนอยู่ชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก ดังนั้น หลังจากการผ่าตัด ก็จะไม่เห็นขอบซิลิโคนเลย จับดูแทบไม่รู้สึกว่ามีขอบซิลิโคนอยู่
การเสริมหน้าผากแบบซิลิโคนเฉพาะบุคคล มีทั้งแบบหล่อและแบบ CT Scan ซึ่งแบบหล่อ ลูกค้าจะต้องเข้ามาที่คลินิกเพื่อหล่อแม่พิมพ์หน้าผากก่อน และส่งพิมพ์ไปที่เกาหลี ส่วนแบบ CT Scan ลูกค้าจะต้องไปทำ CT Scan ที่ รพ.ไหนก็ได้ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,000 บาท และทำการส่งข้อมูลไปที่เกาหลีเช่นเดียวกัน เพื่อผลิตซิลิโคนเฉพาะบุคคลกลับมา ใช้เวลาในการผลิตประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อซิลิโคนส่งมาแล้ว ทางคลินิกก็จะแจ้งให้ลูกค้าทราบ และทำการนัดคิวผ่าตัดเสริมหน้าผากต่อไป
หลังจากการเสริมจมูก จะต้องพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน ซึ่งแต่ละคนก็จะใช้เวลามากน้อยแตกต่างกัน โดยทรงจมูกจะเห็นชัดเข้าที่ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
เป็นการฉีดยาชา ซึ่งคุณหมอยุ้ย จะมีเทคนิคพิเศษในการฉีดยาชาบล็อกเส้นประสาทในจุดต่างๆ ทำให้ลูกค้าแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย การฉีดยาชาก็ทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ได้ และช่วยเช็คทรงจมูกหลังทำเสร็จ ว่าพอใจ หรือชอบไหม อยากได้ตรงไหนเพิ่มเติม ก็แจ้งได้เลย ก่อนทำการเย็บไหม
คนที่มีเนื้อจมูกน้อย สามารถเสริมจมูกได้ แต่อาจจะทำทรงที่พุ่งๆ ไม่ได้ เพราะจะเสี่ยงต่อการทะลุในอนาคต โดยคุณหมอจะเน้นถึงความปลอดภัยในระยะยาวเป็นหลัก และออกแบบทรงจมูกให้เป็นธรรมชาติ และรับกับใบหน้าให้มากที่สุด
ที่ Attitude Clinic สาขารัชดา จะไม่ได้มีการเสริมจมูกแบบ Open จะมีแต่เป็นแบบ Semi-Open แทน โดยเป็นการกรีดเปิดแผลในจมูกทั้ง 2 ข้างเพื่อทำการปรับฐานจมูกและใส่ซิลิโคน ข้อดีก็คือ ไม่กระทบกับรูจมูกและแกนกลางจมูก
รอยแผลผ่าตัดสำหรับการยกคิ้ว จะถูกซ่อนบริเวณใต้ท้องคิ้ว ช่วงหลังทำใหม่ๆ ก็ยังจะสามารถเห็นรอยแผลได้อยู่ แต่หากแผลหายดีแล้ว ก็จะค่อยจางและเนียนไปกับขอบล่างของคิ้ว
หลังทำตาจะไม่เหลือก เพราะก่อนทำคุณหมอจะทำการวาดและวัดปริมาณหนังตาที่ตกทั้งสองข้าง ทั้งตอนหลับตาและลืมตา ให้เหมาะสม จึงไม่ส่งผลให้หลังทำแล้วตาจะเหลือก
การผ่าตัดยกหางตาด้วยวิธี Subbrow Lift เป็นการผ่าตัดหนังตาส่วนเกินออกแบบถาวร ซึ่งจะช่วยให้แก้ปัญหาหนังตาหย่อนได้แบบยาวนานเลย
ทำแล้วอยู่ได้ประมาณอย่างน้อย 3-4 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองอีกที แต่ก็จะมีโอกาสตกลงมาอีกตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ตำแหน่งแผลผ่าตัดเสริมขมับ จะอยู่บริเวณเหนือใบหูทั้งสองข้าง และถูกซ่อนเหนือไรผม แผลเล็กขนาดประมาณ 2.5-3.5 cm ขนาดของแผลก็ขึ้นอยู่กับขนาดซิลิโคนที่เลือกใช้อีกที
ซิลิโคนในการเสริมขมับที่ใช้ จะเป็น Implant Grade ซึ่งสามารถอยู่ในร่างกายของเราได้อย่างปลอดภัย ตลอดชีวิตเลย ไม่ต้องมีการเปลี่ยนใดๆ
หลังจากการเสริมขมับไป ช่วง 5-7 วันแรก ก็อาจจะมีอาการปวดบ้าง แต่สามารถทานยาแก้ปวดช่วยลดอาการปวดได้ แต่หลังจากนี้ ก็จะไม่มีอาการปวดแล้ว